เทศน์เช้า

เทศน์เช้า

๒ มี.ค. ๒๕๖๒

เทศน์เช้า วันที่ ๒ มีนาคม ๒๕๖๒

พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต

 

ณ วัดป่าสันติพุทธาราม (วัดป่าเขาแดงใหญ่) ต.หนองกวาง อ.โพธาราม จ.ราชบุรี

 

อันนั้นอารัมภบทเนาะ ตอนนี้ฟังธรรมะ ฟังธรรมะๆ นะ พวกเรามาแสวงหาสัจธรรมกันๆ เวลาแสวงหาสัจธรรมเสร็จแล้วมันจะตายก็ไม่เสียดาย ตายเหอะ ตายได้เลย

แต่ระหว่างที่เราแสวงหานี้เราไม่อยากตาย ไม่อยากตายเพราะตายแล้วมันต้องเวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะ ใครจะเชื่อหรือไม่เชื่อมันเรื่องของเขา แต่สัจจะความจริงมันเป็นแบบนั้น

ถ้าสัจจะความจริงมันเป็นแบบนั้นนะ เราเกิดเป็นมนุษย์เกิดมาพบพระพุทธศาสนา พระพุทธศาสนา นี่ประเพณีวัฒนธรรมของชาวพุทธ สยามเมืองยิ้ม สยามเมืองยิ้มมันยิ้มออกมาจากหัวใจไง เราหล่อเราหลอมมาไง

พวกอนาคตใหม่มันบอกเลย คนไทยนี่โง่ คิดไม่ออกก็ยิ้มไว้ก่อน ยิ้มไปเรื่อยๆ คิดอะไรไม่ออกยิ้มไว้ก่อน

แต่มันจะยิ้ม มันจะหัวเราะ มันจะเศร้าโศกเสียใจมันก็เป็นความทุกข์นะ แต่สยามเมืองยิ้มๆ น่ะ ถ้าสยามเมืองยิ้มมันยิ้มมาจากหัวใจไง มันยิ้มมาจากวัฒนธรรมของเราไง ถ้ามันยิ้มมาจากวัฒนธรรมของเรา สิ่งที่วัฒนธรรมของเรา แล้วเราแก้ไขสิ่งนั้นไง

เวลาโลก คนเราเกิดมามีสองโลก โลกหนึ่งคือโลกของเรา โลกคืออัตตาของเรา โลกคือสิทธิของเรา นี่โลกหนึ่ง

อีกโลกหนึ่งคือปัญหาสังคมๆ คนเราต้องการฉลาด ต้องการฉลาด ต้องการทัดเทียมเขา ต้องการมีความเสมอภาคกับเขา ต้องการแข่งขันกับเขา ถ้าต้องการแข่งขันกับเขานะ แต่ถ้าโลกของเรามันโง่เขลาเบาปัญญา เราจะเอาอะไรไปทัดเทียมแข่งขันกับเขา

ถ้าโลกของเรามันฉลาด ถ้าโลกตัวตนเราฉลาด เรามีลูกมีหลานขึ้นมา เรามีการศึกษาส่งเสียให้เล่าเรียนให้มันฉลาดขึ้นมาๆ เวลาฉลาดขึ้นมาแล้วฉลาดให้มันทันโลกไง อย่าให้คนเขาหลอก

คนเราแสวงหาเงินทองมามหาศาลแล้วให้เขาหลอก ให้เขาชักนำไป ยกให้เขาโดยไม่มีสติปัญญาสิ่งใดเลย

นี่ไง ปฏิภาณไหวพริบของมัน นี่ความฉลาดๆ มันถึงมีสองโลก โลกหนึ่งที่มันจะฉลาดๆ ได้ ดูสิ พ่อแม่ของเราพาเข้าวัดเข้าวา ฝึกหัดเข้ามาที่นี่ไง ฝึกหัดเข้ามาที่หัวใจของเรา

ถ้าฝึกหัดเข้ามาที่หัวใจของเรา เราจะเสียเล็กเสียน้อยขึ้นมา เราเสียขึ้นมาเพื่อความดีงามของเรา เราเสียได้ เรายอมได้ เรายอมเสียเล็กเสียน้อยขึ้นมาเพื่อความดีงาม เพื่อฝึกหัดของเรา เพื่อพัฒนาหัวใจของเรา เรายอมเสียเล็กเสียน้อยเพื่อพัฒนาหัวใจของเรา ให้หัวใจเราเข้มแข็ง

เห็นว่าจะเสียเล็กเสียน้อยเพื่อความมั่นคง เสียเล็กเสียน้อยเพื่อความฉลาด เสียเล็กเสียน้อยเพื่อฝึกหัดสติปัญญา เสียเล็กเสียน้อยขึ้นมาเพื่อให้เรามีองค์ความรู้ เสียเล็กเสียน้อยไม่ว่า เพราะมันฝึกหัดๆ ของมัน

ถ้ามันฉลาดขึ้นมาแล้ว ถ้าตัวมันฉลาดแล้ว โลกของเราถ้ามันฉลาด โลกข้างนอกเราบริหารจัดการได้ เราบริหารจัดการได้เพราะอะไร เพราะเราไม่โลภไง ถ้าเราไม่โลภ เราไม่เป็นเหยื่อของเขา เราจะเป็นเหยื่อของเขาได้อย่างไร ไอ้ที่มันเป็นเหยื่อของเขาๆ เพราะโลกมันกลวงไง เพราะโลกมันกลวง

คิดอะไรไม่ออกยิ้มไว้ก่อน เขาว่านะ เออ! ยิ้มไว้ก่อน คนไทย

โธ่! วัฒนธรรมประเพณี สงกรานต์ เดี๋ยวมันก็ฟื้นฟูขึ้นมาสักทีหนึ่ง เดี๋ยวมันก็เฉาไปสักทีหนึ่ง ปีใหม่ ปีใหม่บางปีสังคมมีเงินมีทอง สังคมมีการใช้จ่าย ปีใหม่นั้น โอ้โฮ! รื่นเริงมาก ปีใหม่ไหนที่มันเศร้าสร้อยเหงาหงอย ปีใหม่นั้นเฉามาก

ยิ้มๆ กว่ามันจะยิ้มได้ ยิ้มๆ กว่าเราจะฝึกหัดของเราได้ ยิ้มๆ แต่ให้ในครอบครัวของเราเข้าใจกันได้ ยิ้มๆ กว่ามันจะยิ้มได้ไง

สังคมประเพณีวัฒนธรรมกว่ามันจะฟื้นฟูขึ้นมาแต่ละครั้งแต่ละคราวมันใช้เวลาเท่าไร แล้วสิ่งที่มันปลูกฝังมา ปู่ย่าตายายของเราปลูกฝังมา ครูบาอาจารย์ของเราปลูกฝังมา สิ่งที่เป็นคุณงามความดีมันจะเสียหายตรงไหน มันจะโง่เขลาตรงไหน มันเป็นผู้ที่ฉลาดต่างหาก

เราเผชิญหน้าสิ่งใดเรายิ้มไว้ก่อน แล้วเรามีโอกาสได้คิดใคร่ครวญใช่ไหม เราไม่วู่วาม เราไม่คิดสิ่งใดโดยเสียประโยชน์กับเราไง เรายับยั้งเขาไว้ก่อน เราเป็นคนคุมเกม สิ่งนั้นมันเป็นประโยชน์ทั้งนั้นน่ะถ้าคนมันใช้เป็นไง

คนมันเห็นประเพณีวัฒนธรรม เห็นสิ่งที่ปลูกฝังกันมาของสังคมที่มันเป็นของที่มีคุณค่า สังคมที่มีคุณค่าเขาปลูกฝังกันมา เขาทำคุณงามความดีกันมาน่ะ แล้วจะมารื้อจะมาทำลายว่าสิ่งนั้นเป็นความโง่เขลาเบาปัญญา

โง่เขลาเบาปัญญา ทำไมรักษาชาติไว้รอดได้ โง่เขลาเบาปัญญาทำไมเราเอาชาติรอดมาจนถึงปัจจุบันนี้ได้

ไอ้คนที่ฉลาดๆ ดูสิ แปลงทรัพย์สินเป็นทุนๆ ล้มละลายจนต้องอพยพหนีเป็นล้านๆ คนน่ะ แม้แต่ทิชชู่จะซื้อยังไม่มี ข้าวจะกินยังหาไม่ได้ เพราะความเจริญรุ่งเรืองไง อยากจะมีความเจริญรุ่งเรือง อยากจะครองโลกไง

จะครองโลกมันครองด้วยอำนาจกำปั้นใหญ่ กำปั้นใหญ่มันบีบคั้นไปทั้งนั้นน่ะ แต่คนเราถ้ามันไม่มีเงินไม่มีทองมันจะไปครองโลกที่ไหน ถ้าคนเราไม่มีสติปัญญาขึ้นมาจะรักษาตัวรอดได้อย่างไร

ถ้ารักษาตัวรอดไง ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าปรารถนารื้อสัตว์ขนสัตว์ รื้อสัตว์ขนสัตว์ รื้อหัวใจของสัตว์โลก

รื้อสัตว์ขนสัตว์ก็ในครอบครัวของตนไง สังคมที่ดีที่สุดคือครอบครัวของเรา ถ้าครอบครัวของเรามีความร่มเย็นเป็นสุข พ่อแม่เป็นพระอรหันต์ของลูกๆ เขาสอนกันอย่างนั้น

แล้วเวลาหลวงตาท่านสอนไง ถ้าพ่อแม่ของเราจะผิดบ้าง คนที่มีคุณกับเราจะผิดบ้าง เราก็ไม่ควรโต้แย้งๆ ถ้าเราจะโต้แย้งเราก็โต้แย้งด้วยเหตุด้วยผล ด้วยความนุ่มนวลดีงามของเราไง นี่ไง สิ่งที่มันมีคุณค่ามันมีประโยชน์ตรงนั้นไง

สิ่งที่พ่อแม่เป็นพระอรหันต์ของลูกให้ชีวิตนี้มาไง ถึงจะผิดบ้าง ผิดแน่นอน คนทำงานต้องผิดทั้งนั้นน่ะ เวลามันผิดบ้างๆ ผิดบ้างเราก็เห็นบุญคุณอันนั้นน่ะ บุญคุณอันนั้นเราก็ค่อยเคลียร์ค่อยแก้ไขปัญหานั้นไป

สิ่งต่างๆ คนเราจะถูกตลอดไปมันไม่มีหรอก มันต้องมีความผิดความถูกเป็นเรื่องธรรมดา แต่เรื่องธรรมดา เราฝึกหัดของเรา เราจะฝึกหัดโลกในของเรา

คนเราเกิดมามีสองโลกซ้อนกันอยู่ โลกหนึ่งทัศนคติความเห็น นี่โลกของเรา ทัศนคติความเห็นที่มันอ่อนด้อย ทัศนคติความเห็นที่มันบกพร่อง ทัศนคติความเห็นที่มันสมบูรณ์แบบ ทัศนคติมันมาจากไหน

ทัศนคตินี่ไง องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าปรารถนารื้อสัตว์ขนสัตว์ รื้อสัตว์ขนสัตว์ที่นี่ไง ให้มีทัศนคติที่ดี ทัศนคติที่ดีแล้วมันจะขาดตกบกพร่องนั้นมันเป็นเวรกรรมต่อเนื่องไป

ถ้าทัศนคติที่มันผิดพลาด ทัศนคติที่มันบิดเบี้ยว ทัศนคติที่บิดเบี้ยว เริ่มต้นคนมันคิดแต่บิดเบี้ยวแล้วมันจะไปทำสิ่งใดให้มันถูกต้องดีงามได้อย่างไร มันก็ทำสิ่งนั้นให้มันบิดเบี้ยวไปทั้งนั้นน่ะ

ทัศนคติที่ดีๆ เราฝึกหัดกันตรงนี้ไง มีศีล มีสมาธิ มีปัญญา ถ้ามีศีล สมาธิ ปัญญา ความปกติของใจๆ ใจมันจะปกติหรือไม่ ถ้าใจมันปกติ เราฟื้นฟูของเรา เราพัฒนาของเรา เราจะดัดแปลงทัศนคติที่ดี ทัศนคติที่ดีของเรา

เวลาโลกเขาดูการเปลี่ยนแปลง สรรพสิ่งในโลกนี้มันเป็นอนิจจังนะ ไม่มีสิ่งใดคงที่หรอก มันมีการเปลี่ยนแปลงตลอดไป ในชีวิตของเราทั้งชีวิตตั้งแต่เราเกิดมาเราเห็นการเปลี่ยนแปลงของสังคมมามากน้อยแค่ไหน เราเห็นการเปลี่ยนแปลงในบ้านในเรือนของเรามากน้อยแค่ไหน

ถ้าเราเห็นการเปลี่ยนแปลงในบ้านในเรือนของเรา เราเห็นการเปลี่ยนแปลง ถ้าการเปลี่ยนแปลงนั้นเปลี่ยนแปลงแล้วสิ่งที่มันทรุดตัวมันทรุดโทรมลง มันก็ไม่ดีงามสิ่งใดเลย สิ่งใดที่มันเปลี่ยนแปลงที่มันเจริญงอกงามขึ้นมา สิ่งนั้นมันเป็นประโยชน์กับเรา

ร่างกายของเราเกิดมา เจ้าเกิดมา เจ้ามีอะไรมาด้วยเจ้า แล้วเจ้าเติบโตขึ้นมาจนเป็นหนุ่มเป็นสาว แล้วเจ้าก็ต้องชราคร่ำคร่าของเจ้าไป สิ่งนี้มันเกิดมาโดยเป็นสัจจะเป็นความจริง เห็นไหม

แต่ถ้าด้วยสติด้วยปัญญาด้วยวุฒิภาวะ คนไม่ได้แก่เพราะกินข้าว เฒ่าเพราะอยู่นานไง คนเราเกิด เราแก่เพราะมีสติปัญญา แก่เพราะมีการฝึกฝนไง ยิ่งแก่ยิ่งมีสติปัญญา ยิ่งแก่ยิ่งรอบรู้ ยิ่งแก่ยิ่งเป็นที่พึ่งของสังคมไง

ในบ้านของเรา ผู้เฒ่าๆ น่ะ ผู้เฒ่าเขามีประสบการณ์ รัตตัญญู ผู้ผ่านราตรีมามาก ผู้เห็นโลกมามาก ผู้เข้าใจโลกนี้มามาก มันเปลี่ยนแปลงไปเราก็ไม่หวั่นไหวไปกับมัน เห็นไหม ถ้าเราไม่หวั่นไหวไปกับมัน นี่โลกนอก ถ้าโลกนอกเราไม่หวั่นไหวไปกับเขานะ โลกนอกจะบีบคั้นในหัวใจเราไม่ได้เลย มันต้องเป็นแบบนี้ เพราะอะไร

เพราะสังคมโลกไง นี่ไง สภาคกรรมๆ กรรมเวลาเราเกิดมา เราคนคนเดียว บางคนมีพูดมากมหาศาล คนคนนั้นฉลาดมาก คนคนนั้นมีวุฒิภาวะมหาศาลเลย แต่พอเป็นผู้จัดการ เป็นเจ้าของบริษัทขึ้นมา เพราะอะไร บุคลากรของเรานั่นน่ะมีเวรมีกรรมทั้งนั้นน่ะ มันบั่นมันทอน มันบิดมันเบี้ยว แล้วเราจะต้องพยายามแก้ไขเข้ามาให้เป็นเอกภาพ เข้ามาให้เป็นคุณงามความดี

ทรัพยากรมนุษย์ๆ สิ่งที่มีคุณค่า ทรัพยากรมนุษย์นี่ แล้วสิ่งที่ดีงาม ดูสิ มาอยู่กับเราฝึกหัดงานๆ พอเป็นงานขึ้นไปเขาก็ไปแสวงหาโอกาสของเขาต่อไปข้างหน้า แล้วเราจะดูแลกันอย่างไร นี่โลกนอก สองโลกที่มันซ้อนกันอยู่ไง

ถ้าสองโลกที่มันซ้อนกันอยู่ แต่โลกในต้องให้เข้มแข็งขึ้นมา ทัศนคติของเราต้องให้เข้มแข็งขึ้นมา ถ้าทัศนคติเข้มแข็งขึ้นมา สิ่งนี้มันเป็นอนิจจัง มันแปรสภาพของมันไปทั้งนั้นน่ะ มันเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา แต่การเปลี่ยนแปลง เราจะบริหารอย่างไร เราจะจัดการอย่างไรๆ แล้วถ้าสิ่งใดมีความทุกข์กดคั้น มีความทุกข์บีบคั้น...ยิ้ม เขาว่ายิ้มสยามไง

เราภูมิใจในการยิ้มสยามนะ แต่ทำสิ่งใด เวลาเขาไปประชุม เราฟังผู้ใหญ่เขาพูดไง ถ้าที่ไหนมีการประชุมนะ ตัวแทนของประเทศไทยมองได้ง่ายๆ เลย คือไม่พูด นั่งยิ้ม มันไม่รู้จะพูดอะไร มันนั่งยิ้ม

ประเทศอื่นเขาออกความเห็น เขารักษาผลประโยชน์ของเขา ไอ้เรานั่งยิ้ม เพราะอะไร เพราะไอ้นั่งยิ้มเพราะเราเลือกไปอย่างนั้นเอง เราเลือกบุคคลอย่างนั้นไป

เราไม่ได้เลือก นี่ไง ดูความมีส่วนร่วมๆ ไง เราไม่ได้เลือกบุคคลที่เขามีผลประโยชน์ผลกระทบออกไปพูดนี่ เวลามีผลกระทบ กดมันไว้ เอาแต่พวกมันมาพูดกันเอง แล้วเวลาจะพูดอะไรก็ยิ้ม พูดอะไรไม่ได้ เพราะข้างในมันกลวง พูดอะไรไม่ได้

แต่ถ้ามันจะพูดได้นะ ถ้าคนมีผลกระทบสิ ชีวิตของเรา ความลำบากของเรา ความขาดแคลนของเรา การโดนเอารัดเอาเปรียบของเรา เราแสวงหา เราจะมีโอกาสได้แก้ไข คนที่พยายามหาโอกาสได้แก้ไข หาโอกาสได้รักษาผลประโยชน์ของตน นี่สภาคกรรม กรรมที่มันเกิดขึ้น โลกที่มันซ้อนกันอยู่ไง ถ้ามันซ้อนกันอยู่สองโลก โลกของเรา เรารักษาโลกของเรา

ถ้ามันตกน้ำไม่ไหล ตกไฟไม่ไหม้ คนที่มีคุณธรรมในหัวใจถึงเวลาจะมีประสบความทุกข์มันก็ยิ้มได้ คนจะยิ้มได้ต่อเมื่อประสบความทุกข์ ประสบวิกฤติแล้วมีสติปัญญาแก้ไขวิกฤตินั้นไป นี่ประเสริฐ

คนที่เวลามันยิ้มแต่สมองมันกลวง ไอ้เรื่องแบบนี้มันเป็นเรื่องเวรเรื่องกรรม คำว่า เรื่องเวรเรื่องกรรม” คือสิ่งที่การกระทำของเขามา การกระทำของเขามา เขาก็ทำของเขามา จริตนิสัยของเขามา ถ้าทำจริตนิสัยของเขามา ถ้าเขามีบุญกุศลของเขา เขามีปฏิภาณของเขา เขามีอำนาจวาสนาของเขา เห็นไหม

สิ่งใด ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเวลาสอน ไฟในไม่ให้ออก ไฟนอกไม่ให้เข้า ไฟในไม่ให้ออก ไฟใน ความขัดแย้งของเรา เราเก็บไว้ภายใน ถ้าภายนอกไม่ให้เอาเข้ามาวุ่นวาย

นี่ไฟในก็ลุกลาม ไฟนอกก็แผดเผา ไฟโลกียะ ไฟโลก ไฟความทุกข์ความยากแผดเผาๆ แล้วมันจะอยู่กันอย่างไรล่ะ

โลกนี้เร่าร้อนนักๆ โลกนี้เร้าร้อนนัก มีแต่ความแผดเผา ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นสิ่งที่ว่า ศีล สมาธิ ปัญญา

โอ้โฮ! ศีล สมาธิ ปัญญา ศีลนี่หรือจะดับไฟได้ ศีลนี่หรือ สมาธินี่หรือจะดับไฟได้ ไฟเขาต้องดับด้วยน้ำ

น้ำแล้งไม่มีไฟดับ เผาทั่วโลก

แต่ในหัวใจของเรา ศีล สมาธิ ปัญญาก็เอาไว้ในตำรานะ ศีล สมาธิ ปัญญาตัวมันเองยังไม่มีนะ ถ้าตัวมันเองมันมี เริ่มต้นจากการศึกษา เด็กๆ น้อยๆ เขามาเขาทำอย่างไร

ดูสิ ดูฆราวาสธรรมๆ การประพฤติปฏิบัติมันวิกฤติ การประพฤติปฏิบัติมันน่ากลัวมาก มันเป็นหน้าที่ของพระ ให้พระเขาปฏิบัติกันไป ไอ้เราก็อยากร่ำอยากรวย อยากประสบความสำเร็จในชีวิต อยากกระทำต่างๆ สิ่งต่างๆ อ้อนวอนขอไปตลอด

ทำดี ดีกว่าขอพรไง เราทำคุณงามความดีของเรา เราจะฝึกหัดหัวใจของเรา เวลาหัวใจมันแจ่มแจ้งขึ้นมาแล้วนะ ไอ้ที่เราขอๆ ไว้ไม่อยากได้เลย เพราะขอๆ ไว้มันเป็นวัตถุธาตุ ที่ขอๆ ไว้มันให้ความสุขไม่ได้จริง ไอ้ที่ขอๆ ไว้ที่ได้มาแล้วเป็นภาระอีก ไอ้ที่ขอๆ ไว้นะ มีทองเท่าหนวดกุ้ง นอนสะดุ้งจนเรือนไหว ที่ขอๆ ไว้ ใส่สร้อยคอไปให้เขากระชาก ใส่ทรัพย์สมบัติไปให้โจรมันปล้น สิ่งที่เราขอไว้มันเป็นเรื่องโลกๆ มันไม่เป็นสมบัติจริงของเราเลย

ถ้ามีสติปัญญาขึ้นมา พอมีสติปัญญาขึ้นมามันอยากฝึกหัดปฏิบัติของเรา ถ้าค้นคว้าหาหัวใจของตนเจอ ถ้าใจมันสงบเข้ามาได้มันมีความสุขไง สุขอื่นใดเท่ากับจิตสงบไม่มี โอ้! อยากได้อันนี้ อยากได้อันนี้ อยากได้อันนี้ อันนี้ต่างหาก แต่อันนี้กว่าจะได้

โลกใน โลกทัศน์ ทัศนคติ มันมองอะไรเป็นบุญล่ะ มองอะไรเป็นความจริงล่ะ

มองโลกธรรม ๘ ใช่ไหม มีลาภเสื่อมลาภ มียศเสื่อมยศ นี่ไง มันไปมองตรงนั้นหรือ

นี่ไง หลวงตาท่านบอกเลย มันอยากมีหงอน ไก่มันมีหงอนมันนึกว่าเป็นวาสนาของมันไง คนก็อยากมีหงอน อยากเหมือนไก่ อยากให้เขานับถือศรัทธา สิ่งนั้นหรือที่แสวงหา

ดูสิ หลวงปู่เสาร์ หลวงปู่มั่น ครูบาอาจารย์อยู่ในป่าในเขาอยู่โคนต้นไม้ นี่ไง เวลามันสงบเข้ามานี่ไม่ใช่หงอน ของจริง แต่ทัศนคติที่มันพัฒนาขึ้นมันดีขึ้น มันเข้าหาสู่ความจริงได้มากขึ้น แล้วถ้ามันจะเป็นความจริงแล้วนะ ถ้าจิตมันสงบแล้วนะ มันไม่แส่ส่าย มันไม่เข้าไปกวนบ้านกวนเมือง

ไอ้ที่พระกวนบ้านกวนเมืองไม่มีวันหยุดวันหย่อนนั่นน่ะ ไอ้นั่นเป็นพระหรือ

พระเป็นผู้ที่สงบ พระเป็นผู้ที่เลี้ยงง่าย ภิกษุเป็นผู้เลี้ยงง่าย ภิกษุเป็นผู้สงบระงับ นี่ภิกษุที่ใช้ชีวิตเป็นแบบอย่าง

ไอ้ที่แส่ส่ายกันอยู่อย่างนั้น อย่างนั้นหรือ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสอนอย่างนั้นหรือ ไม่มีหรอก เผยแผ่ธรรมๆ เอาอะไรไปเผยแผ่ เอาสัจจะความจริงมาจากไหน

ถ้ามันสัจจะความจริงขึ้นมาในหัวใจของเรา ทัศนคติที่รู้อะไรจริงอะไรปลอม คนเรารู้จักผิดชอบชั่วดีนี่คบได้แล้วแหละ รู้จักผิดชอบชั่วดีมันคุยกันเข้าใจได้ไง

ไอ้คนพาลน่ะมันเห็นดีเป็นชอบ เห็นชอบเป็นชั่ว เห็นการคลุกคลีเป็นประโยชน์ เห็นคนมักมากเป็นเรื่องดี โอ้โฮ! วัดนี้ดี๊ดีเพราะคนมันเยอะ

โธ่! ห้างสรรพสินค้าเขาไปตากแอร์กันทั้งห้างเลย มาซื้อของหรือเปล่าก็ไม่รู้ คนเยอะ คนคืออะไร

นี่ไง องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะสอนนะ ในโลกนี้คนโง่มากหรือคนฉลาดมาก คนโง่มากหรือคนฉลาดมาก แล้วเข้ากันไม่ถึงสัจจะความจริงไง 

มนุษย์เรามีโลกอยู่สองโลกซ้อนกันอยู่ โลกของเรา นี่ไง ถ้าคนมีวาสนานะ คนมีวาสนามันเกิดมา เด็กๆ เราเจอเยอะมาก เขาปฏิเสธ ไปโรงเรียนสิ เด็กมันจะบอกเลย ห้ามสูบบุหรี่ ห้ามกิเหล้า โตมามันทั้งกินเหล้าทั้งสูบบุหรี่หมดเลย

เวลาเด็กๆ บอกมันน่ะ มันรู้เลยนะ กินเหล้าก็ไม่ดี เล่นการพนันก็ไม่ดี มันท่องได้หมดน่ะ ไปถามเด็กประถมสิ มันชี้ได้หมดเลย ผิดชอบชั่วดีมันชี้ได้หมดเลย เวลาโตขึ้นมามันทำได้ไหม นี่เพราะจิตใจของเรามันจะรักษาอย่างนั้น

นี่ก็เหมือนกัน ถ้ามันมีสัจจะมีความจริงนะ ทัศนคติ ถ้าคนมีบุญกุศลมันจะอยู่ในสุขอื่นใดเท่ากับจิตสงบไม่มี อยู่สงบเงียบๆ ปัจจัยเครื่องอาศัยพอยังชีพ เอาไว้ทำไม สะสมทำไม เก็บไว้ทำไม โลกเร่าร้อนนัก เสียสละไป นั่นผลประโยชน์กับโลก ขอให้จิตเรามีความสุข ความสุขมันอยู่ที่นี่

ความสุขไม่ใช่ว่ามีทองเท่าหนวดกุ้ง ไปเดินกลางตลาดให้เขากระชากอีก ไปประสบอุบัติเหตุอีก ไปเจ็บช้ำอีก นั่นน่ะอะไรของเขาน่ะ นี่ไง ทัศนคติของคน ถ้าคนมันดีงามนะ อยู่กับความสงบ อยู่กับความสงบ อยู่กับหัวใจของเรา

เกิดเป็นมนุษย์นี้เป็นอริยทรัพย์ การเกิดมา แต่เราเอาอริยทรัพย์ไปแบกรับความทุกข์ เอาชีวิตของเราไปตรอมตรม ไม่เอาชีวิตของเราไว้ในอำนาจของเรา ถ้ามีสัมมาสมาธิ คือเอากิเลสไว้ในใจของเราแล้วมันไม่แส่ส่าย มันไม่ฟุ้งซ่าน แล้วสุขที่มันมี มีตรงนี้ สุขมันอยู่ตรงนี้ สุขมันอยู่ที่ใจของเราสงบระงับ นี่เป็นสุขแท้ไง

แต่เราอยู่ทางโลก ถ้าเราอยู่ทางโลกเรามีโลกสองโลก โลกของเรา เราก็รักษาโลกของเรา แต่เราต้องประกอบสัมมาอาชีวะ สังคมนั้นก็เป็นอีกโลกหนึ่ง ตั้งสติของเราไว้แล้วรักษาของเรา หัวใจของเรา

ยิ้มสยามถ้ามันยิ้มได้ รักษาได้ รักษาใจของเราด้วยสติด้วยปัญญา ไม่ใช่ด้วยไม่มีประสบการณ์ ไม่เคยฟังธรรม ไม่เคยประพฤติปฏิบัติ ไม่รู้จักสติ ไม่รู้จักสมาธิ ไม่รู้จักปัญญาของเรา ไม่มีอะไรเลย นั่นแหละยิ้มกลวงๆ

แต่ถ้าเรายิ้มของเราด้วยสติปัญญาของเรา นี่โลกของเรา เรารักษาของเรา พัฒนาของเราให้โลกของเรามันมั่นคง เอวัง